ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯ : กิจการฯ 4:31-37
เมื่อผู้เชื่ออธิษฐานพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ และคาดหวังที่จะได้รับฤทธิ์เดชจากพระเจ้าตามที่พระองค์สัญญาไว้ พวกเขาก็ประกอบด้วยพระวิญญาณฯ (กจ.4:31) และมีผลที่แสดงออกมาในชีวิตของผู้ที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ อย่างน้อย 4 ประการ
การสั่งสอนพระวจนะเป็นหนึ่งในคำสั่งที่ปรากฏในพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์
มัทธิว 28:19 "เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา"
คริสตจักรสมัยแรกจึงเห็นคุณค่าและเอาจริงเอาจังในการสอนพระวจนะอย่างเต็มที่ (กจ.11:26; 18:11; 20:7-11) รวมทั้งยังกล่าวพระวจนะด้วยใจกล้าหาญ คือ การสั่งสอนพระวจนะอย่างสัตย์ซื่อตามหลักการพระคัมภีร์ อันเป็นการวางรากฐานความเชื่อคริสเตียนอย่างแข็งแรง และส่งผลจนถึงผู้เชื่อในปัจจุบัน
การประกาศข่าวประเสริฐและการเทศนาพระวจนะพระเจ้าในยุคนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เชื่อต้องเผชิญความทุกข์ยากและการข่มเหงมากมาย แต่แม้พวกเขาต้องถูกข่มเหงจนถึงแก่ชีวิต พวกเขายังยืนหยัดในความเชื่อและสัตย์ซื่อในการประกาศ ดังนั้น การมีชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะพวกเขาต้องได้รับฤทธิ์เดชและใจกล้าหาญจากพระวิญญาณฯ จึงจะกล่าวพระวจนะได้อย่างเกิดผล
2. เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (กิจการฯ 4 :32)
ใน กจ.4:4 บันทึกว่าในขณะนั้นมีผู้เชื่อซึ่งนับเฉพาะผู้ชายมีจำนวนอย่างน้อยประมาณห้าพันคน ดังนั้น จึงน่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่คนทั้งหมดนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งทางความคิดความรู้สึก และในจิตวิญญาณ
ชุมชนของพระเจ้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ เพราะมีความรักของพระเจ้าที่ประสานแต่ละคนไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง ทุกคนผูกพันเป็นพี่น้องกันโดยมีพระเจ้าเป็นพระบิดาองค์เดียวกัน และมีพระวิญญาณองค์เดียวกันที่สถิตในชีวิตของผู้เชื่อทุกคน (อฟ.4:3-5)
เมื่อผู้เชื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชุมชนนั้นก็เป็นชุมชนแห่งพระพร เพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่า พระองค์จะบังคับบัญชาพระพรที่นั่น
สดด.133:1-3 ดูเถิด ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เป็นการดี และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของท่าน เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์
3. มีฤทธิ์เดชในการรับใช้ (กิจการฯ 4 :33)
บรรยากาศในคริสตจักรยุคแรกมีการทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย เพราะ พระเจ้าทรงประทานฤทธิ์เดชเพื่อรับรองเขาในการรับใช้พระองค์ เหมือนดังที่พระเยซูคริสต์เคยประทานฤทธิ์เดชแก่เหล่าสาวกเมื่อพระองค์ส่งเขาไปรับใช้ตามที่ต่างๆ (มก.16:20) และเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาสถิตกับผู้เชื่อ เพื่อพระวิญญาณฯ จะสนับสนุนพวกเขาในการรับใช้พระองค์ด้วยฤทธิ์เดชเช่นกัน (กจ.2:43; 5:12)
คริสเตียนทุกคนจึงควรคาดหวังที่จะมีชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯ หากเราปรารถนาที่จะเห็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์สำเร็จ เราต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า มีชีวิตแห่งการอธิษฐานพึ่งพาพระเจ้า ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ ไวต่อเสียงของพระวิญญาณและแสดงออกด้วยการเชื่อฟัง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่เห็นแก่ตัว ยินดีเหยียดออกไปเพื่อเห็นแก่ส่วนรวม เมื่อเรา แต่ละคนมีชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯ เราจะเห็นการรับรองจากพระเจ้าอย่างชัดเจนผ่านหมายสำคัญและการอัศจรรย์ตามที่ พระองค์ทรงสัญญาไว้
4. มีใจเสียสละเพื่อผู้อื่น (กิจการฯ 4 :34-37)
พระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวว่า "เพราะว่าในพวกศิษย์ไม่มีผู้ใดขัดสน" เพราะทุกคนเสียสละ และลงมือช่วยเหลือผู้อื่นจนไม่มีใครขัดสนเลย หัวใจที่เสียสละเช่นนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะผู้เชื่อในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น แต่ยังปรากฏในชีวิตของผู้เชื่อที่เมืองต่างๆ เช่น เมืองฟิลิปปี เมืองเธสะโลนิกา และเมืองเบโรอาด้วย จน กระทั่งเปาโลอดไม่ได้ที่จะหยิบยกขึ้นมากล่าวชมเชยและหนุนใจคริสเตียนที่ เมืองโครินธ์ซึ่งมีความตั้งใจดีแต่ยังไม่ลงมือกระทำอย่างเต็มที่ (2 คร.8:2-4)
แม้ผู้เชื่อในคริสตจักรสมัยแรกจะเต็มใจเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อได้ประทานพระสัญญาว่า บุคคลที่มีน้ำใจกว้างขวางและหยิบยื่นสิ่งดีให้แก่ผู้อื่นนั้นจะไม่คลาดแคลนสิ่งดีอันใด เพราะพระเจ้าจะทรงอำนวยพระพรกลับคืนมาทำให้มีเพียงพอในการดีทุกอย่าง
2คร.9:8 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
สรุป
เมื่อผู้เชื่อเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาจะรับใช้พระองค์ด้วยความกล้าหาญ จะผูกพันชีวิตเป็นชุมชนที่มีความรักภักดีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะมีน้ำใจเสียสละเพื่อผู้อื่น และจะมีฤทธิ์เดชในการรับใช้ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้คนจำนวนมากประจักษ์ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และ พวกเขาจะปรารถนาที่จะรู้จักพระองค์และมีชีวิตที่ดำเนินไปกับพระองค์ด้วย เหมือนดังภาพในคริสตจักรสมัยแรกที่มีคนเป็นอันมากเข้ามาร่วมกับเหล่าสาวกของ พระเยซูคริสต์ทุกวันเรื่อยไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น