"คริสตจักรที่สำแดงความรัก": 1 เธสะโลนิกา 4:9-10
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างแห่งการสละชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษย์ทุกคน พระองค์กล่าวว่า "ความรักที่ยิ่งใหญ่คือการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย
พระธรรม 1 เธสะโลนิกา 4:9-10 เป็นข้อเขียนที่เปาโลหนุนใจผู้เชื่อให้ดำเนินชีวิตด้วยความรักที่แสดงออก เป็นภาคปฏิบัติ เพราะสิ่งนี้เป็นคุณลักษณะที่สำคัญของผู้เชื่อในการดำเนินชีวิตในคริสตจักร ของพระเยซูคริสต์
เนื้อหา
2.1 สำแดงออกมาเป็นการกระทำ (ข้อ 10 ก)
การกระทำของผู้เชื่อชาวเธสะโลนิกาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความรักต่อกัน ตามที่พระธรรม 1ยน.3:18 สอนผู้เชื่อว่าอย่ารักกันเพียงแค่คำพูดหรือด้วยปากเท่านั้น แต่ให้รักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง "ความจริง" ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้หมายถึงความจริงตามมาตรฐานหรือความรู้สึกแบบมนุษย์ แต่เป็นความจริงตามมาตรฐานของพระเจ้า คือ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
2.2 แสดงออกต่อพี่น้องด้วยใจกว้างขวาง (ข้อ 10ข)
คริสตจักรที่เธสะโลนิกาไม่เพียงแสดงความรักต่อพี่น้องในเมืองของตนเท่านั้น แต่ยังแสดงออกต่อพี่น้อง ในแคว้นมาซิโดเนียด้วยใจกว้างขวาง คริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียเองแม้จะยากจน แต่ยังแสดงออกถึงความรักด้วยการถวายเพื่อผู้อื่น (2คร.8:1-2) ผู้เชื่อทุกคนในปัจจุบันควรเลียนแบบความรักเช่นนี้ โดยการมีใจเสียสละและยินดีช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจกว้างขวาง
2.3 แสดงออกเพิ่มพูนอย่างทวีคูณ (ข้อ 10 ค)
ความรักที่แท้จริงต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างทวีคูณทุกวันทุกเวลาที่เราเดินใน วิถีแห่งความรักของพระเจ้า จนไปถึงอุดมคติซึ่งเป็นมาตรฐานของพระเจ้า นั่นคือ ความรักที่เราสามารถสละชีวิตเพื่อพี่น้องได้ (1ยน.3:16)
เมื่อผู้เชื่อรู้จักความรักอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้าแล้ว ขอให้เราทุกคนพัฒนาตนเองให้เติบโตขึ้นในความรักทั้งต่อพระเจ้า ต่อพี่น้อง และต่อบุคคลอื่นๆ (1ยน.4:8,16) โดยแสดงออกเป็นการกระทำแห่งความรักที่ชัดเจนและเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน สามารถรักคนอื่นได้โดยไม่มีเงื่อนไขเหมือนดังที่พระเจ้าทรงรักเรา
พระธรรม 1 เธสะโลนิกา 4:9-10 เป็นข้อเขียนที่เปาโลหนุนใจผู้เชื่อให้ดำเนินชีวิตด้วยความรักที่แสดงออก เป็นภาคปฏิบัติ เพราะสิ่งนี้เป็นคุณลักษณะที่สำคัญของผู้เชื่อในการดำเนินชีวิตในคริสตจักร ของพระเยซูคริสต์
เนื้อหา
![]() ภาพจาก: http://oneyearbibleimages.com | 1 แหล่งกำเนิดของความรัก (1 ธส.4:9) เปาโลชี้ให้เห็นถึงแหล่งกำเนิดของความรักคือ "พระเจ้า" โดยกล่าวในข้อ 9 ว่า การรักพี่น้องหรือการรักกันและกันนั้นไม่จำเป็นต้องมีใครมาเขียนหรือมาสอน เราอีก เพราะพระเจ้าเป็นผู้สอนให้เรารักกันอยู่แล้ว พระองค์ทรงสอนผู้เชื่อทุกคนด้วยการประทานประสบการณ์ในความรักของพระองค์ให้ แก่เขา ผู้เชื่อจึงสามารถสัมผัสความรักของพระเจ้าด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของตน ไม่ใช่เพียงรู้ทฤษฏีหรือข้อมูลตามคำบอกเล่าเท่านั้น 2 การแสดงออกของความรัก (1 ธส.4:10) เปาโลได้กล่าวว่า สิ่งที่ผู้เชื่อชาวเธสะโลนิกาปฏิบัติต่อพี่น้องในแคว้นมาซิโดเนียนั้น เป็นการแสดงออกถึงความรักที่พวกเขามี อย่างน้อย 3 ประการ คือ |
2.1 สำแดงออกมาเป็นการกระทำ (ข้อ 10 ก)
การกระทำของผู้เชื่อชาวเธสะโลนิกาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความรักต่อกัน ตามที่พระธรรม 1ยน.3:18 สอนผู้เชื่อว่าอย่ารักกันเพียงแค่คำพูดหรือด้วยปากเท่านั้น แต่ให้รักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง "ความจริง" ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้หมายถึงความจริงตามมาตรฐานหรือความรู้สึกแบบมนุษย์ แต่เป็นความจริงตามมาตรฐานของพระเจ้า คือ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
2.2 แสดงออกต่อพี่น้องด้วยใจกว้างขวาง (ข้อ 10ข)
คริสตจักรที่เธสะโลนิกาไม่เพียงแสดงความรักต่อพี่น้องในเมืองของตนเท่านั้น แต่ยังแสดงออกต่อพี่น้อง ในแคว้นมาซิโดเนียด้วยใจกว้างขวาง คริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียเองแม้จะยากจน แต่ยังแสดงออกถึงความรักด้วยการถวายเพื่อผู้อื่น (2คร.8:1-2) ผู้เชื่อทุกคนในปัจจุบันควรเลียนแบบความรักเช่นนี้ โดยการมีใจเสียสละและยินดีช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจกว้างขวาง
2.3 แสดงออกเพิ่มพูนอย่างทวีคูณ (ข้อ 10 ค)
ความรักที่แท้จริงต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างทวีคูณทุกวันทุกเวลาที่เราเดินใน วิถีแห่งความรักของพระเจ้า จนไปถึงอุดมคติซึ่งเป็นมาตรฐานของพระเจ้า นั่นคือ ความรักที่เราสามารถสละชีวิตเพื่อพี่น้องได้ (1ยน.3:16)
เมื่อผู้เชื่อรู้จักความรักอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้าแล้ว ขอให้เราทุกคนพัฒนาตนเองให้เติบโตขึ้นในความรักทั้งต่อพระเจ้า ต่อพี่น้อง และต่อบุคคลอื่นๆ (1ยน.4:8,16) โดยแสดงออกเป็นการกระทำแห่งความรักที่ชัดเจนและเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน สามารถรักคนอื่นได้โดยไม่มีเงื่อนไขเหมือนดังที่พระเจ้าทรงรักเรา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น